วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

ชนิดของโรคเบาหวาน

ชนิดของโรคเบาหวาน
มี 2ลักษณะ คือ
1. ชนิดพึ่ง อินซูลิน คือ จะมีอาการรุนแรงพอสมควร เหตุที่ต้องพึ่งอินซูลินเพราะว่าตับอ่อนของเราไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เลย จึงต้องมีการฉีดอินซูลินเพื่อรักษา ส่วนใหญ่จะเป็นในวัยต่ำกว่าอายุ 40 ปี
อาการ วิงเวียน คลื่นไส้ กระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักลดและนอนกระสับกระส่าย

2. ชนิดไม่พึ่งอินซูลิน คือ ตับอ่อนผลิตอินซูลินได้แต่ปริมาณน้อยมาก และไม่พอกับความต้องการของร่างกาย ส่วนใหญ่เป็นในวัย 40 ปีขึ้นไป และเบาหวานชนิดนี้ถ่ายทอดสู่ลูกหลาน จึงเป้นดรคทางกรรมพันธุ์ด้วย
อาการ มือเท้าชา เป็นตะคริวง่าย การมองเห็นแย่ลง เป็นแผลจะหายช้ากว่าปกติ มีอาการง่วงหาวนอนขาดความกระฉับกระเฉง อย่างเห็นได้ชัด

โรคอื่นๆที่ตามมากับเบาหวาน
เมื่อเป็นเบาหวานสักพักหนึ่งถ้าไม่ดูแล หรือรักษาอย่างจริงจัง ร่างกายบางส่วนจะทรุดโทรม และค่อยถูกทำลายไป และโรคต่างๆ อีกมากจะเข้ามาถามหา ยิ่งถ้าผู้ป่วยมีอายุมากแล้ว ประมาณ 60 ปีขึ้นไป มักจะไม่มีปัญหาดรคแทรกซ้อนเท่าไหร่ แต่ถ้าน้อยกว่านั้นต้องระมัดระวังให้ดี
โรคที่มักจะมาเยือนอันได้แก่ โรคดังนี้
1.โรคตา เช่นต้อกระจก คือภาวะที่แก้วตาเป็นฝ้า, ตาพร่ามัว คือ การมองเห็นที่พร่ามัว, ต้อหิน คือ ความดันในตาสูงมากกว่าปกติ
2.โรคไมเกรน คือจะมีอาการปวดศรีษะอย่างรุนแรง
3.โรคไต คือ ไตอาจพิการหยุดการทำงาน หรือไตวาย ซึ่งจะนำมาซึ่งการเสียชีวิตได้
4.โรคประสาท เช่นระบบปลายประสาทในร่างกาย ปลายนิ้วมือ และนิ้วเท้าเป็นต้น
5.โรคความดันโลหิตสูง
6.โรคระบบหายใจ
7โรคปวดตามข้อ กระดูก
8.ทำให้เป็นหมันได้ง่ายกว่าคนปกติมาก
9.โรคความดันโลหิตสูง
10.โรคไขมันในเส้นเลือด โรคหลอดเลือดต่างๆ

และยังมีอีกมากที่จะตามมาหากดูแลและรักษาไม่ถูกวิธี และไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นโรคที่กล่าวกันมาทุกคน แต่ถือว่ามีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆ แต่ถ้าสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีแล้ว และรักษาอย่างถูกต้องแน่นอนว่าโรคเบาหวานอาจหายขาดจากท่านก็เป็นได้

ที่มา : หนังสืออาหารพิชิตเบาหวาน

อาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ซุปมะเขือเทศ

ซุปมะเขือเทศ

เครื่องปรุง
1.น้ำมะเขือเทศ 2 ถ้วยตวง
2.เนยเหลว 2 ช้อนโต๊ะ
3.นมสด 3 ถ้วยตวง
4.น้ำสต๊อกไก่ 1 ถ้วยตวง
5.แป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ
6.เบกกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา
7.เกลือ พริกไทยป่น พอสมควร

วิธีปรุง
1. ละลายเนยเหลวกับแป้งสาลีให้เข้ากันพอดี และระวังอย่าให้แป้งเป็นลูก เมื่อเข้ากันแล้วให้นำน้ำมะเขือเทศใส่ลงไป เคล้าให้เข้ากัน แล้วเทใส่ในหม้อซุปที่ตั้งน้ำสต๊อกไก่ไว้ เร่งไฟให้แรง
2. ตั้งไฟไปจนเดือด เทเบกกิ้งโซดาลงไปในหม้อซุป แล้วเติมเกลือ ชิมดูให้ได้รสที่ต้องการ แล้วเติมนมสด ตั้งไฟจนเดือด อีกครั้งแล้วยกลง ตักซุปใส่ชามแล้วโรยด้วยพริกไทยป่น จากนั้นยกไปตั้งโต๊ะ และควรกินขณะยังร้อนอยู่
ที่มา : หนังสืออาหารพิชิตเบาหวาน

ประโยชน์ของ ว่านหางจระเข้

ประโยชน์ของ ว่านหางจระเข้

วุ้นในว่านหางจระเข้ ใช้ในการทำทางวิทยาศาตร์รักษาโรคทั่วไปได้ ดังที่กล่าวมาแล้ว และปัจจุบันว่านหางจระเข้ได้นำมาวิจัยเปนน้ำ หรือทำเป็นแชมพู หรือส่วนผสม ของยาต่างๆ หลายๆแขนง พร้อมสรรพคุณที่ใช้
น้ำว่านหางจระเข้ช่วยในการขับถ่าย เป็นสมุนไพรยอดฮิตอีกชนิดหนึ่ง สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรหรือสบู่สมุนไพรว่านหางจระเข้ ฯลฯ หรือจะใช้กันแบบสดๆ ผู้รู้เรื่องว่านหางจระเข้ใช้เป็นยาทารักษาแผลสด แผลไฟไหม้ได้อย่างดีเยี่ยม แผลหายเร็ว ไม่เกิดรอยแผลเป็น ต่อมานำว่านหางจระเข้มาเป็นของหวาน โดยใช้วุ้นของว่านไปแช่ในน้ำเชื่อม ซึ่งมีความอร่อยมาก

การทำน้ำว่านหางจระเข้สูตรพิเศษ
ส่วนผสม
ว่านหางจระเข้หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 1/2 ถ้วยตวง
ใบเตยหอม 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็งทุบ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีปรุงน้ำว่านหางจระเข้ปั่น
ต้มว่านหางจระเข้ให้สุกก่อนแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปเตยหอมมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มจนสีเขียวละลายออกมากับน้ำ ซึ่งจะผสมกับว่านหางจระเข้ต่อไป
ตักว่านหางจระเข้ที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในเครื่องปั่นเทน้ำใบเตยหอม ตามลงไป ตามด้วยน้ำแข็งทุบ น้ำตาลทรายแดง ปั่นให้ละเอียดเข้ากันพอดี แล้วเทใส่แก้วดื่มได้ทันที

คุณค่าทางสมุนไพร
สรรพคุณทางยาของว่านหางจระเข้ช่วยบำรุงร่างกาย ผู้ตรากตรำทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ดื่มแล้วจะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที พร้อมทั้งระบบขับถ่ายสะดวกดี ท้องไม่ผูก เพราะมีสรรพคุณที่เป็นเลิศ

ปรุงลาบปลาดุก สำหรับเบาหวาน

ลาบปลาดุก

เครื่องปรุง
1.ปลาดุก 1 ตัว
2.หัวหอมแดง กระเทียม ข่า พริกขี้หนูแห้ง
พริกป่นพอสมควร
3.ต้นหอม ผักชี ผักชีล้อม สะระแหน่ ถั่วฝักยาม
ผักกกาดหอม พอสมควร
4.มะนาว น้ำปลา ข้าวคั่ว พอสมควร

วิธีปรุง
1.ปลาดุกย่างไฟพอสุก เลาะเอาแต่เนื้อ จากนั้นสับละเอียด นำข้าวสารแช่น้ำให้พอขึ้นตัว แล้วนำไปคั่วจนเหลือง จากนั้นโขลกให้ละเอียด หัวหอมแดง กระเทียม และข่าเผาไฟแล้วโขลกละเอียด พริกขี้หนูแห้งคั่วให้กรอบแล้วโขลกละเอียด ต้นหอม ผักชี ใบสะระแหน่เด็ดแล้วล้างให้สะอาด ผักชีล้อมล้างแล้วหั่นเล็กๆ หัวหอมปลอกเปลือกแล้วซอยบางๆ
2.เวลากินให้นำเนื้อปลาดุกมายี แล้วเคล้าให้เข้ากับข่า และหอมกระเทียมเผาที่โขลกละเอียดแล้ว บีบมะนาว ใส่น้ำปลา และพริกป่น ใส่ข้าวคั่ว จากนั้นเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง ใส่หอมซอย ต้นหอมผักชี ผักชีล้อม และใบสะระแหน่ คลุกเบาๆ มือ แล้วกินกับผักสด เช่น ผักกาด ถั่วฝักยาว




ที่มา : หนังสืออาหารพิชิตเบาหวาน

อาหารสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน

อาหารสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน

“อาหาร” คือ หัวใจสำคัญในการควบคุมโรคเบาหวาน หลักง่ายๆ ที่ควรยึดในการจัดการเรื่องอาหารมีดังนี้

1.อาหารธรรมดา
ไม่เลิศหรู คือ อาหารที่ไม่มี ราคาแพง หรือไม่มีวีธีปรุงพิศดาร เพราะผู้ที่เป็นเบาหวานไม่ต้องการเนื้อชั้นเลิสที่ปรุงด้วยซอส ไม่ต้องการหมูหัน เป็ด ไก่ เพราะมีไขมันสูง ดังนั้นอารหาระรรมดาที่มีคุรค่า และมีกากไย ย่อมเป็นอาหารที่เหมาะกับคนที่ต้องการรักษาอาการเบาหวานมากที่สุด

2.อาหารที่เสริมสร้างสุขภาพได้
คือ อาหารจำพวกธัญพืช ที่ยังไม่ผ่านการปรุงแต่ง อาหารที่ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน และอาหารที่มีกากอาหาร นอกจากนี้ผู้ที่เป็นเบาหวานยังต้องการสารอาหารบางชนิดมากกว่าคนธรรมดาด้วย เช่น วิตามินซี 2,000 มก. ต่อวัน ขณะที่คนปกติต้องการแค่ 20-30 มก. ต่อวัน

3.อาหารที่ไม่เพิ่มน้ำหนัก
สิ่งสำคัญที่สุดของคนที่เป้นเบาหวาน คือ อย่าให้มีน้ำหนักตัวมากเกิน อาหารที่ทำให้น้ำหนักตัวมาก คือ น้ำตาล แป้ง และไขมัน ถ้าคุณอ้วนอยู่แล้วคารงดอาหารจำพวกดังกล่าว แต่ถ้าคุณผอมและเป็นโรคเบาหวานก็ควรที่จะกินแป้งให้มากขึ้น เพราะแป้งให้พลังงาน

4.อาหารที่ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด
การเลือกอาหารให้เหมาะสมนั้นจำเป้นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะต้องระมัดระวังมิให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น คือต้องระวังรักษาความสมดุลน้ำตาลในร่างกาย และต้องดูแล สุขภาพทั่วๆไปด้วย ให้ทุกอย่างสมดุล ไม่ใช่เพียงสนใจแต่การงด ไขมันหรือแป้งงเท่านั้น

5.อาหารที่ช่วยลดความซับซ้อนของระบบการทำงานในร่างกาย
ในร่างกายเรามีระบบการทำงานที่ซับซ้อนมาก คือ ถ้าปล่อยให้เป็นโรคเบาหวาน โรคอื่นๆ ก็ตามมาง่าย เช่นความดันโลหิตสูง ความดันในเส้นเลือดสูง และหัวใจวาย เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนแปลง ระดับวิตามินต่างๆในร่างกายก็มีผลกระทบไปด้วย เช่น เมื่อต่อมอะดรีนาลีนถูกกระตุ้นร่างกายก้จะต้องการโปรตีนมากขึ้น



ที่มา : หนังสืออาหารพิชิตเบาหวาน

อาหารที่ดีที่สุด สำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวาน

อาหารที่ดีที่สุด สำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานนั้นยังมีความแตกต่างทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งข้อนี้คุณต้องระลึกไว้เสมอเพื่อที่จะจัดการเรื่องอาหารอย่างถูกต้อง
เด็กที่เป็นโรคเบาหวาน ร่างกายก็ขาดอินซูลินโดยสิ้นเชิง อาหารที่ให้โปรตีนแต่มีไขมันต่ำจึงดีที่สุด และยังต้องกินประเภทแป้งเพื่อน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นด้วย
ผู้ใหญ่ที่เป็นเบาหวานร่างกายจะผลิตอินซูลินออกมาน้อยมาก อาหารที่ผู้ใหญ่ต้องให้ความสนใจคือ อาหารที่เส้นใยสูงและมีไขมันต่ำ แต่ต้องเป็นชนิดไขมันไม่อิ่มตัว โปรตีนที่ได้ก็ต้องมาจากพืชไม่ใช่สัตว์ อาหารประเภทคาร์โบเดรตต้องเป็นประเภทที่ย่อยช้า เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวฟ่าง หรือ ผัก ลูกเดือย และถั่วประเภทต่างๆ ที่จะช่วยรักษาระดับคอเรสเตอรอลในเลือดได้

กฎสำคัญที่ผู้เป็นเบาหวานต้องระลึกก็คือ กินอาหารเพียงวันละ 1,200 -1,500 แคลอรี่ เท่านั้น ก็คือ วันหนึ่งกินอาหาร 3 มื้อ และอาหารว่างอีก 2 มื้อรวมเป็น 5 มื้อใน 1 วัน และคุณต้องคำนวณเรื่องเหล่านี้ด้วย
เมนูที่ดีที่สุดของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานคือ
1. นม
2. ข้าว ขนมปัง
3. ผัก
4. ผลไม้
5. โปรตีน (จากพืช)
6. ไขมัน (ชนิดไม่อิ่มตัว)
7. ถั่ว

ตัวอย่างอาหารที่ดีที่สุด คือ “ปลา”
โปรตีนจากปลา มีประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นเบาหวานมาก เพราะในปลามีสารอาหารมากมายหลายชนิด และไขมันต่ำ ทำให้ได้ประโยชน์โดยไม่อ้วนอีกด้วย และในปลายังมีกรด ไขมันไลโนเลอิก ที่ช่วยในการเผาผลาญคอเลสเตอรอลออกจากร่างกาย ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย


ที่มา : หนังสืออาหารพิชิตเบาหวาน

วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

อาหารสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน เบาหวาน เบาหวานกับการกิน

ซุปมะเขือเทศ

เครื่องปรุง
1.น้ำมะเขือเทศ 2 ถ้วยตวง
2.เนยเหลว 2 ช้อนโต๊ะ
3.นมสด 3 ถ้วยตวง
4.น้ำสต๊อกไก่ 1 ถ้วยตวง
5.แป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ
6.เบกกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา
7.เกลือ พริกไทยป่น พอสมควร

วิธีปรุง
1. ละลายเนยเหลวกับแป้งสาลีให้เข้ากันพอดี และระวังอย่าให้แป้งเป็นลูก เมื่อเข้ากันแล้วให้นำน้ำมะเขือเทศใส่ลงไป เคล้าให้เข้ากัน แล้วเทใส่ในหม้อซุปที่ตั้งน้ำสต๊อกไก่ไว้ เร่งไฟให้แรง
2. ตั้งไฟไปจนเดือด เทเบกกิ้งโซดาลงไปในหม้อซุป แล้วเติมเกลือ ชิมดูให้ได้รสที่ต้องการ แล้วเติมนมสด ตั้งไฟจนเดือด อีกครั้งแล้วยกลง ตักซุปใส่ชามแล้วโรยด้วยพริกไทยป่น จากนั้นยกไปตั้งโต๊ะ และควรกินขณะยังร้อนอยู่